ทอเสื่อกก
เริ่มต้นจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนตั้งแต่สมัย
ปู่ ย่า ตา ยาย มีการนำเส้นกกมาทอเป็นของใช้ในครัวเรือน เช่น การทอเสื่อ
แต่ละครัวเรือนจะเก็บไว้ใช้เอง ยังไม่มีการจำหน่าย
ต่อมานโยบายรัฐบาลส่งเสริมให้หมู่บ้านมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพโดยการค้นหาอาชีพที่คนในชุมชนได้มีกำไรผลิตขึ้นเองภายในชุมชนชาวบ้าน
โดยการนำของกลุ่มสตรีได้เลือกอาชีพการทอเสื่อกกเป็นอาชีพเสริม
การทอเสื่อกก บ้านแพง ตำบลแพง
อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อุดสมสมบูรณ์หมู่บ้านตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำคือ บึงแพง
ซึ่งเป็นแหล่งที่มีต้นผือขึ้นตามธรรมชาติมากมาย
ซึ่งต้นผือนี้ชาวบ้านนิยมนำมาเป็นวัสดุในการทอเสื่อ
เพื่อใช้ในครัวเรือนต่อมามีการผลิตมากขึ้น
และเป็นของฝากให้กับญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมเยียนกัน เริ่มแรกไม่มีการใช้สี
ต่อมาก็มีการใช้สีธรรมชาติและเกิดแห้งแล้ง
ชาวบ้านแพงจึงได้เดินทางไปเอาต้นกกมาจากจังหวัดร้อยเอ็ดมาปลูกไว้ที่บึงบ้านแพงเพื่อนำมาทอเสื่อกก ชาวบ้านเห็นว่าการทอเสื่อกกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
สตรีในหมู่บ้านจึงได้มีแนวคิดที่จะรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อรวมกันผลิตเสื่อกกเป็นสินค้าของหมู่บ้าน
มีการทำสีย้อมจากธรรมชาติเอง
และคิดลายเสื่อเพื่อให้เป็นอัตลักษณ์และจุดเด่นของชุมชน ภูมิปัญญาด้านการทอเสื่อกก
เป็นภูมิปัญญาด้านหนึ่งที่ชุมชนได้สืบทอดและอนุรักษ์ไว้
เนื่องจากการผลิตใช้วัตถุดิบในชุมชน ได้แก่ ต้นกก ต้นผือ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ การผลิตทุกขั้นตอนใช้แรงงานของคนในชุมชนผลิตเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านแพงที่ผูกพันกับเสื่อกก
จึงมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่รุ่นลูกหลาน จึงเกิดความผูกพันเหมือนญาติพี่น้อง
อีกทั้งมีการลงหุ้นดำเนินการลักษณะของกลุ่มจึงเกิดความเข็มแข็ง อีกทั้งยังได้เป็นสินค้าโอทอปอีกด้วย
การทอเสื่อกกนั้นเป็นภูมิปัญญาไทยที่ควรรักษา
สืบทอด และพัฒนาต่อไป เพราะเสื่อกก เป็นของใช้ที่ทุกครัวเรือนต้องมีไว้เพื่อใช้สอย
กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งของอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องมีไว้ประจำครัวเรือนและเป็นการใช้แรงงานภายในในหมู่บ้าน
เนื่องจากว่าการผลิตจะทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ
สามารถทำได้และถ่ายทอด เรียนรู้ได้ง่าย ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น