วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ทอเสื่อกก


                เริ่มต้นจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนตั้งแต่สมัย ปู่ ย่า ตา ยาย มีการนำเส้นกกมาทอเป็นของใช้ในครัวเรือน เช่น การทอเสื่อ แต่ละครัวเรือนจะเก็บไว้ใช้เอง ยังไม่มีการจำหน่าย ต่อมานโยบายรัฐบาลส่งเสริมให้หมู่บ้านมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพโดยการค้นหาอาชีพที่คนในชุมชนได้มีกำไรผลิตขึ้นเองภายในชุมชนชาวบ้าน โดยการนำของกลุ่มสตรีได้เลือกอาชีพการทอเสื่อกกเป็นอาชีพเสริม

          การทอเสื่อกก บ้านแพง ตำบลแพง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อุดสมสมบูรณ์หมู่บ้านตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำคือ บึงแพง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีต้นผือขึ้นตามธรรมชาติมากมาย ซึ่งต้นผือนี้ชาวบ้านนิยมนำมาเป็นวัสดุในการทอเสื่อ เพื่อใช้ในครัวเรือนต่อมามีการผลิตมากขึ้น และเป็นของฝากให้กับญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมเยียนกัน เริ่มแรกไม่มีการใช้สี ต่อมาก็มีการใช้สีธรรมชาติและเกิดแห้งแล้ง ชาวบ้านแพงจึงได้เดินทางไปเอาต้นกกมาจากจังหวัดร้อยเอ็ดมาปลูกไว้ที่บึงบ้านแพงเพื่อนำมาทอเสื่อกก ชาวบ้านเห็นว่าการทอเสื่อกกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สตรีในหมู่บ้านจึงได้มีแนวคิดที่จะรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อรวมกันผลิตเสื่อกกเป็นสินค้าของหมู่บ้าน มีการทำสีย้อมจากธรรมชาติเอง และคิดลายเสื่อเพื่อให้เป็นอัตลักษณ์และจุดเด่นของชุมชน ภูมิปัญญาด้านการทอเสื่อกก เป็นภูมิปัญญาด้านหนึ่งที่ชุมชนได้สืบทอดและอนุรักษ์ไว้ เนื่องจากการผลิตใช้วัตถุดิบในชุมชน ได้แก่ ต้นกก ต้นผือ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ การผลิตทุกขั้นตอนใช้แรงงานของคนในชุมชนผลิตเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านแพงที่ผูกพันกับเสื่อกก จึงมีการถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่รุ่นลูกหลาน จึงเกิดความผูกพันเหมือนญาติพี่น้อง อีกทั้งมีการลงหุ้นดำเนินการลักษณะของกลุ่มจึงเกิดความเข็มแข็ง อีกทั้งยังได้เป็นสินค้าโอทอปอีกด้วย

                การทอเสื่อกกนั้นเป็นภูมิปัญญาไทยที่ควรรักษา สืบทอด และพัฒนาต่อไป เพราะเสื่อกก เป็นของใช้ที่ทุกครัวเรือนต้องมีไว้เพื่อใช้สอย กล่าวได้ว่าเป็นสิ่งของอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องมีไว้ประจำครัวเรือนและเป็นการใช้แรงงานภายในในหมู่บ้าน เนื่องจากว่าการผลิตจะทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ สามารถทำได้และถ่ายทอด เรียนรู้ได้ง่าย ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น